หากใครที่ชื่นชอบการดูหนังตามเว็บหนังออนไลน์ฟรี หรือใน Netflix , HBO, Disney หรือจะเป็นสตรีมมิ่งเซอร์วิสค่ายไหนๆก็ตาม น่าจะเห็นได้ว่าแต่ละเจ้าก็จะมีการนำเรื่องเหตุการณ์จริงมาสร้างเป็นหนัง ซีรี่ย์ หรือเป็นงานกึ่งสารคดีกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ชีวิตของนักธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ หรือบุคคลสำคัญในวันวานเท่านั้น ที่ถูกหยิบมาเล่าเรื่อง แต่ว่าเรื่องราวของมิจฉาชีพ โจร และ ฆาตกร ก็ยังมีการถูกหยิบขึ้นมาสร้างเป็นสื่อภาพยนตร์กันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าหลายเรื่องมักจะจุดประเด็นเรื่องความเหมาะสมของสื่ออยู่บ่อยครั้ง เพราะครอบครัวหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เคราะห์ร้ายและเหยื่อของคดีเหล่านี้ ย่อมมีมุมมองและความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันกับคนอื่นที่เป็นแค่ผู้ชมจากนอกเหตุการณ์จริงอีกทีหนึ่ง ยังไงถ้าลองหาหนังออนไลน์ฟรีดู ก็ลองเสิชหาชื่อ The Serpent ดูได้ นี่ก็เป็นอีกกรณีนึงเหมือนกัน
ซีรี่ย์ของ Netflix ที่ดูได้บนเว็บหนังออนไลน์ฟรีอีกช่องทาง ใช้ชื่อว่า The Serpent ซึ่งทำเป็น Limited Series (ซีรี่ย์แบบจบในตัว ไม่มีการสร้าง Season ต่อไป) โดยเป็นเรื่องของฆาตกรลูกครึ่งเชื้อสายเอเชียผสมกับฝั่งยุโรปที่เลือกเหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยวจากฝั่งตะวันตกซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเขาใช้ชีวิตในช่วงที่มีการฆ่าคนไปมากมายที่ว่านี้ส่วนมากในประเทศไทย โดยมีพฤติกรรมการก่อเหตุที่เป็นระบบเป็นขั้นตอน คือการวางยา ขโมยเอกสารยืนยันตัวตน กักขังหน่วงเหนี่ยว และกำจัดหลักฐาน (ศพ) และมีอาชีพนักค้าอัญมณีเป็นฉากบังหน้า ชื่อของเขาคือ Charles Sobhraj
ในซีรี่ย์ที่ดูได้ในเว็บหนังออนไลน์ฟรีนั้นไม่ได้แสดงอดีตหรือความเป็นมาของ Charles อย่างชัดเจนมากนัก และตัวของเขาเองก็มีลักษณะนิสัยที่มักจะโกหกอยู่ตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าอดีตของเขาที่แท้จริงเป็นยังไงกันแน่ (เพราะแม้จะเป็นเรื่องเล่าที่ออกมาจากปากของเจ้าตัวเอง ก็อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด) แต่ตัวเขาได้ออกเดินทางไปยังประเทศที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางของวัยรุ่นนักเดินทางจากฝากยุโรปในช่วงนั้น เช่นเนปาล อินเดีย และประเทศโลกที่สามที่ค่าเงินถูกอย่างไทย และใช้มาดความเป็นนักธุรกิจลูกครึ่งชาวยุโรปของเขาในการหลอกลวงคน หาโอกาสที่จะวางยาพวกเขา และขโมยเงิน หรือเช็คเดินทาง รวมถึงเอกสารยืนยันตัวตนไป ซึ่งในยุคนั้นวัยรุ่นที่เดินทางส่วนมากจะไม่พกเงินสด และการโอนเงินข้ามประเทศในตอนนั้นมักจะเป็นรูปแบบของเช็คเดินทาง ซึ่งถ้าใครมีพาสปอร์ตและเชคของวกเขาก็สามารถนำไปขึ้นเงินได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนตรวจสอบอะไรมากนัก และถึงแม้ว่าเป้าหมายหลักของเขาคือการขโมย แต่ก็ไม่ได้ลังเล หากว่าสถานการณ์มันบานปลายและต้องมีคนเสียชีวิตลง
ซีรี่ย์เรื่องนี้ต้องตั้งใจดูซักนิดนึง เพราะมีการเล่าเรื่องที่ตัดข้ามช่วงเวลาไปมา ระหว่างตัวละครฝ่ายคนร้าย และฝ่ายเจ้าหน้าที่ ที่เริ่มสังเกตุเรื่องผิดปกติ จนกลายมาเป็นไล่ตามตัวของ Charles ในที่สุด อีกทั้งมีการใช้ภาษาที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงแค่ไทยและอังกฤษ แต่โดยรวมถือเป็นซีรี่ย์ฆาตกรรมที่เข้มข้นและดูสนุกเรื่องหนึ่ง และก็สื่อสารตัวละครหลักออกมาได้มีมิติ มีความเป็นมนุษย์สูง รวมถึงแสดงแนวคิดของคนที่เรียกกันว่าเป็น Sociopath หรือ Anti-Social ได้ดี ซึ่งก็สื่อสารให้เห็นว่า บางทีไม่ว่าจะเป็นคนปกติ หรือคนที่ถูกมองว่าป่วยทางจิต แต่ทุกคนก็สามารถทำเรื่องเลวร้ายได้เหมือนกัน และไม่ใช่ว่าทำเพราะมีเหตุผลดีๆ หรือมีความดีซักอย่างอยู่ในความตั้งใจ แต่บางครั้งคนพวกนั้นก็ไม่ได้คิดว่าพวกเค้าทำอะไรผิดเลย หรือมันเป็นธรรมชาติในการมองโลก มองผู้คน ของพวกเขาไปแล้วก็ว่าได้