After Earth หนังโปรไฟล์ดีที่ดูลื่นไหล

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เป็นช่วงที่เราได้เห็นหน้าของดาราชายผิวสี Will Smith โลนแล่นอยู่บนจอภาพยนตร์กันบ่อยครั้ง และมีหนังที่กลายเป็นผลงานขึ้นหิ้งของยุคออกมาหลายเรื่อง เช่น I Robot, Men in Black, Wild Wild West, I Am Legend และอีกหลายต่อหลายผลงาน และก็จะมีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ดารา Will Smith คนนี้มีส่วนร่วมด้วยมากเป็นพิเศษ แถมยังได้ผู้กำกับตัวท้อปอย่าง M. Night Shyamalan มานั่งคุมแท่นผู้กำกับให้ ก็คือหนังไซไฟเอาชีวิตรอดที่ชื่อว่า After Earth นั่นเอง โดยตัวของวิลเองก็มีส่วนช่วยเขียนบทภาพยนตร์ด้วย และดารานำหลักในเรื่องนี้นอกจากตัวของวิลเองแล้ว ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ Jaden Smith ลูกชายของเขาเอง ที่กะเอามาดันเต็มที่

สำหรับตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ มีพล็อตเรื่องที่ดีได้มาตรฐานหนังไซไฟใหญ่ๆทั่วไปเลย คือเป็นเรื่องในอนาคตที่มนุษย์ทิ้งโลกไปเป็นเวลานาน หลังจากที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากสภาพแวดล้อมของโลกในตอนนั้นมันเลวร้ายซะจนมนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป และเมื่อเวลาผ่านไปนานพอ ก็ได้มีการส่งทีมสำรวจกลับมาดูสภาพบนดาวบ้านเกิดที่พวกเขาเคยทิ้งไป พร้อมทั้งพบว่าดาวสีฟ้าดวงนี้ได้กลับมามีสภาพแวดล้อมที่สามารถอยู่อาศัยได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่ไม่ใช่พวกเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะก็มีสปีชีส์อื่นๆที่วิวัฒนาการปรับตัวขึ้นมาเป็นนักล่าขนาดใหญ่เหมือนสัตว์ยุคไดโนเสาร์ก็ว่าได้ โดยจุดดำเนินเรื่องก็คือ ทีมสำรวจเกิดอุบัติเหตุทำให้ยานตกลงมาบนโลก กลางป่าที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตดุร้าย และผู้รอดชีวิตก็คือสองพ่อลูก Will และ Jaden Smith ที่ต้องร่วมมือกันเอาตัวรอดไปให้ได้ รวมถึงพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่เริ่มจะห่างเหินกันไประหว่างพวกเขาด้วย

จากที่เล่ามา จะเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้มีสองประเด็นหลักๆให้พูดถึง คือเรื่องแรก ก็คือการเอาชีวิตรอดจากสิ่งมีชีวิตดุร้าย ท่ามกลางสภาพของธรรมชาติที่ไม่เหมาะกับมนุษย์ โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆอย่างเพียงพอในการเอาชีวิตรอดท่ามกลางป่าเขาและภูมิอากาศดังกล่าว ส่วนที่สองก็คือการซ่อมรอยร้าวระหว่างพ่อและลูกชาย ที่ตัวลูกชายเองก็รู้สึกว่าเขาห่างเหินกับพ่อและเดินอยู่ใต้เงาของพ่อตัวเองมาตลอด เนื่องจากพ่อของเขาเป็นนายทหารมากฝีมือ และได้รับความเคารพและยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้ตัวลูกชายรู้สึกว่าทำยังไงก็ไม่มีทางดีเท่า แถมด้วยความเป็นทหารอาชีะ ทำให้คนพ่อเองก็เข้มงวดและไม่ค่อยแยกแยะการปฏิบัติในฐานะพ่อลูก และระหว่างทหารมากนัก

โดยรวมแล้วตัวพล็อตเรื่องถือว่าโอเค แล้วตัวหนังก็เล่าได้ลื่นไหล ไม่มีจุดที่หน่วงเกินไป แต่ก็เป็นเส้นตรงและไม่ค่อยมีจุดพีคของเรื่องเท่าไหร่ และแม้ว่า Jaden Smith จะเคยแสดงคู่กับเฉินหลงใน The Karate Kid มาแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าการที่หนังจะให้น้อง Jaden เป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก ก็ดูจะหนักเกินไปที่จะให้แบกหนังทั้งเรื่อง สุดท้ายก็คือการที่ตัวละครในเรื่อง ในเหตุการณ์ของตัวหนังมันมีกันอยู่แค่ไม่กี่คน หนังเลยอาจจะดูธรรมดาไปซะหน่อย แต่ว่าโดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าไม่เลวร้าย เพราะแค่ CG งานภาพ และการแสดงของ Will Smith ก็ดีได้มาตรฐานของมันอยู่แล้ว

Leave a Reply